Hair and Scalp Aging

Hair Aging: Thinning Hair from the Aging Process

Discover the Secret Behind “Beauty from the Roots” with the Phenomenon of Hair Aging and How to Keep Your Scalp Youthful

When the Scalp Ages… the Hair Begins to Say Goodbye

We’re familiar with caring for our facial skin to stay youthful—avoiding wrinkles and sagging—but did you know that the scalp also ages? And these subtle, often invisible changes can be a major cause of thinning, dry, graying, or shedding hair.

Hair Aging: Fragile Hair Isn’t Always Just Genetic

While genetics do influence hair characteristics, the environment of the hair follicles plays a more significant role than most people think. As the scalp ages—whether from natural aging, pollution, or hormonal changes (especially after menopause)—the hair follicles begin to weaken. They slow down, produce thinner and finer hair strands, or stop generating new hair altogether.

Warning Signs Your Scalp is Entering “Menopause”

– Noticeably thinner hair
– Dry, flaky, or easily irritated scalp
– New hair grows slower or appears thinner and more fragile
– Premature graying
– Flat, limp hair even after washing

What Causes Scalp Aging?

– Aging: Tissues around the hair follicles shrink, and the follicles themselves become smaller.
– Hormonal decline: Especially the drop in estrogen in women, leading to dry, less elastic scalp skin.
– Sunlight and pollution: Cause low-grade inflammation in the scalp and hair follicles. Free radicals damage scalp collagen.
– Improper hair care: Harsh shampoos, frequent dyeing, perming, or heat styling without proper nourishment.
– Nutrient deficiencies: Lack of essential vitamins (e.g., B vitamins, vitamin D), minerals, and amino acids important for hair health.

How to Rejuvenate the “Aging Scalp” and Restore Its Youthful Glow

– Use shampoos and conditioners designed for the scalp: Choose organic, natural formulas free from sulfates, silicones, synthetic fragrances, and harsh preservatives.
– Eat foods that nourish the hair: Include salmon, nuts, dark leafy greens, eggs, and whole grains.
– Reduce stress and get enough rest: Stress hormones directly affect the hair growth cycle.
– Exercise regularly: Promotes blood circulation, reduces stress, and helps regulate hormones.
– Consider supplements that support hair health: Especially B vitamins, vitamin D, zinc, and essential amino acids.
– Use natural remedies that promote blood circulation to hair roots: Such as blood-tonifying herbal products.
– Consult a hair and scalp specialist for proper diagnosis and treatment: With tools like microscopic scalp analysis and treatments such as Fractional Laser or Hair Mesotherapy.

Conclusion

Hair thinning and hair loss can affect anyone. Aging is a common contributor. By nurturing your body from within, avoiding harmful external factors, and starting early treatment, you can maintain beautiful, youthful hair for years to come.

Why Q-switched Nd:YAG Laser Is Ideal for Treating Deep Melasma?

Q-switched Nd:YAG ทำไมจึงเหมาะกับฝ้าแบบลึก?

เข้าใจ “ฝ้าแบบลึก” ก่อนเลือกวิธีรักษา

ฝ้าเป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในผู้หญิงอายุมากกว่า 30 ปี แม้หลายคนจะเคยใช้ครีมหรือเลเซอร์บางชนิดแล้วไม่ได้ผล อาจเป็นเพราะ “ระดับความลึกของฝ้า” ที่ซ่อนอยู่ในชั้นผิวหนังแท้ (dermis) ไม่สามารถตอบสนองต่อการรักษาพื้นผิวทั่วไปได้

ฝ้าที่อยู่ลึกนี้เรียกว่า “ฝ้าแบบลึก” (dermal melasma) ซึ่งต้องใช้เทคโนโลยีเฉพาะที่สามารถลงลึกได้อย่างปลอดภัย หนึ่งในเครื่องมือที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางคือ Q-switched Nd:YAG laser

พลังของเลเซอร์ 1064 nm: เจาะลึกโดยไม่ทำร้ายผิว

Q-switched Nd:YAG เป็นเลเซอร์ที่ปล่อยพลังงานแสงความยาวคลื่น 1064 นาโนเมตร ซึ่งมีคุณสมบัติสำคัญคือ:

  • สามารถลงลึกถึงชั้นหนังแท้ ที่เม็ดสีฝ้าสะสมอยู่
  • ไม่ทำลายผิวชั้นนอก ต่างจากเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่นสั้นกว่า ซึ่งมักทำให้เกิดการระคายเคืองหรือผลข้างเคียงได้ง่าย
  • ปล่อยพลังงานในระดับ นาโนวินาที (nanosecond) ทำให้สามารถ “แตกเม็ดสี” ให้เล็กลงโดยไม่เผาผิว

นอกจากนี้ เครื่องรุ่นใหม่ยังมีโหมด Laser Toning ซึ่งใช้พลังงานต่ำยิงทั่วใบหน้า เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวชั้นบน ช่วยให้ผิวเนียนเรียบ รูขุมขนกระชับ และผิวดูกระจ่างใสขึ้น

Q-switched Nd:YAG ถือเป็นเครื่องที่ มีความปลอดภัยสูง ผลข้างเคียงต่ำ และมีการใช้งานมายาวนาน พร้อมการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดผลข้างเคียง
แนะนำให้เลือกใช้เครื่องที่ได้รับการรับรองจาก USFDA เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยในระยะยาว

เลเซอร์อย่างเดียวไม่พอ ต้องดูแลควบคู่

แม้เทคโนโลยีเลเซอร์จะมีประสิทธิภาพสูง แต่หากไม่ได้ดูแลผิวและสุขภาพอย่างครบถ้วน อาจทำให้ฝ้ากลับมาใหม่ได้ง่าย
การดูแลร่วมควรประกอบด้วย:

  1. การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวประจำวัน
  • ครีมกันแดด ที่ปกป้องได้ทั้ง UVA และ UVB
  • Vitamin C serum ช่วยต้านอนุมูลอิสระและลดเม็ดสี
  • Whitening cream ที่ปลอดภัยและไม่ทำร้ายผิว
  1. การฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึก
  • เช่น Multiblend therapy หรือการผลักวิตามินรวมเข้าสู่ผิว เพื่อเสริมสร้างการฟื้นฟูและลดการอักเสบ
  1. การดูแลสุขภาพจากภายใน
  • นอนหลับให้เพียงพอ
  • ลดความเครียด
  • ปรับสมดุลฮอร์โมน ซึ่งมีผลอย่างมากต่อการเกิดฝ้า

หากท่านมีปัญหาสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเริ่มต้นดูแลตั้งแต่ต้นเหตุ ซึ่งอาจรวมถึงการใช้ยา หรืออาหารเสริมจากธรรมชาติที่ปลอดภัย และสามารถใช้ได้ระยะยาวโดยไม่สะสมสารตกค้าง

สรุป

Q-switched Nd:YAG laser คือทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีฝ้าฝังลึก ด้วยความสามารถในการส่งพลังงานลงสู่ผิวหนังแท้โดยไม่ทำลายผิวชั้นบน ร่วมกับเทคโนโลยีที่ได้รับการรับรองความปลอดภัยในระดับสากล

แต่เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรทำควบคู่กับการดูแลผิวอย่างต่อเนื่อง และเสริมสุขภาพจากภายในอย่างสมดุล เพราะการรักษาฝ้าอย่างยั่งยืน ไม่ใช่แค่เรื่องของผิว…แต่คือเรื่องของสุขภาพโดยรวม

Basic Knowledge to Care Hair and Scalp

 

เส้นผมและหนังศีรษะเป็นองค์ประกอบสำคัญของร่างกายที่ไม่เพียงแต่มีบทบาทด้านความสวยงาม แต่ยังสะท้อนถึงสุขภาพโดยรวมของเราได้ด้วย การทำความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับเส้นผมและหนังศีรษะจะช่วยให้เราดูแลเส้นผมได้อย่างเหมาะสม ลดปัญหาผมร่วง หนังศีรษะมัน หรือรังแคที่อาจเกิดขึ้นได้

โครงสร้างของเส้นผม

เส้นผม(Hair shaft)

ประกอบไปด้วย เคราติน (Keratin) ซึ่งเป็นโปรตีนชนิดเดียวกับที่พบในเล็บและผิวหนัง เส้นผมแต่ละเส้นมีโครงสร้างหลัก 3 ชั้น ได้แก่

  1. คิวติเคิล (Cuticle) – ชั้นนอกสุดของเส้นผม มีลักษณะเป็นเกล็ดซ้อนกัน ทำหน้าที่ปกป้องเนื้อในของเส้นผมจากความเสียหายจากสิ่งแวดล้อมภายนอก เช่น แสงแดด ความร้อน และสารเคมี โดยชั้นผิวนอกจะประกอบด้วยเกล็ดเล็ก ๆ ซ้อนทับกันเป็นแถวตามแนวยาวของเส้นผม หากเกล็ดเหล่านี้เปิดออกจะทำให้เส้นผมดูแห้งกร้าน ไม่เรียบลื่น
  2. คอร์เทกซ์ (Cortex) – ชั้นกลาง ประกอบด้วยเส้นใยโปรตีนเรียงตัวกันแบบอัดแน่น ทำหน้าที่ให้ความแข็งแรงและความยืดหยุ่นแก่เส้นผม และมีเม็ดสีเมลานินที่กำหนดสีของเส้นผม
  3. เมดุลลา (Medulla) – ชั้นในสุด  เป็นชั้นในสุดของเส้นผม มีลักษณะคล้ายท่อขนาดเล็กเรียงตัวกัน 3-4 ชั้น ซึ่งเกิดจากโปรตีนและไขมัน ส่วนมากจะพบในผมเส้นใหญ่ หรือผู้ที่มีสภาพผมแข็งแรง

รากผม(Hair root)

รากผม คือส่วนที่อยู่ใต้ผิวหนังศีรษะ ทำหน้าที่สร้างและผลิตเส้นผมใหม่ขึ้นมาแทนที่เส้นเก่าที่หลุดร่วงไป โดยโครงสร้างของรากผมจะประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก ๆ ดังนี้

  1. ต่อมรากผม (Hair Follicle) เป็นช่องเล็ก ๆ ที่ลึกลงไปในชั้นหนังแท้ของศีรษะ ภายในต่อมจะประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างเส้นผม
  2. กระเปาะผม (Hair Bulb) เป็นส่วนปลายของรากผมที่มีลักษณะเป็นก้อนกลมนูน ประกอบด้วยเมทริกซ์เซลล์ (Matrix Cells) ซึ่งเป็นเซลล์ต้นกำเนิดที่จะแบ่งตัวและเจริญเติบโตกลายเป็นเส้นผม

รากผมและวงจรชีวิตของเส้นผม

เส้นผมเจริญเติบโตจากรากผม (Hair Follicle) ที่ฝังอยู่ในหนังศีรษะ มีเส้นเลือดและต่อมไขมันคอยหล่อเลี้ยง วงจรชีวิตของเส้นผมแบ่งเป็น 3 ระยะหลัก ได้แก่

  1. ระยะเจริญเติบโต (Anagen Phase) – ช่วงที่เส้นผมงอกยาวอย่างต่อเนื่อง ใช้เวลานาน 2-7 ปี
  2. ระยะหยุดเจริญเติบโต (Catagen Phase) – ระยะเปลี่ยนผ่านที่เส้นผมหยุดการเจริญเติบโต กินเวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์
  3. ระยะหลุดร่วง (Telogen Phase) – ช่วงที่เส้นผมเก่าหลุดออก และมีเส้นผมใหม่ขึ้นมาแทนที่ ใช้เวลาประมาณ 2-4 เดือน

หนังศีรษะและการทำงานของต่อมไขมัน

หนังศีรษะมีต่อมไขมัน (Sebaceous Gland) ทำหน้าที่ผลิตน้ำมันธรรมชาติที่ช่วยรักษาความชุ่มชื้นของเส้นผม หากต่อมไขมันทำงานผิดปกติอาจส่งผลให้หนังศีรษะมีปัญหา เช่น

  • หนังศีรษะมันเกินไป – อาจทำให้เกิดรังแค ผมลีบแบน และมีความเสี่ยงต่อการเกิดสิวที่หนังศีรษะ
  • หนังศีรษะแห้งเกินไป – ทำให้เกิดอาการคัน ลอกเป็นขุย หรือมีรังแคแห้ง
  • หนังศีรษะอักเสบ – อาจเกิดจากเชื้อรา ภูมิแพ้ หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม

ปัจจัยที่มีผลต่อสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะ

สุขภาพของเส้นผมและหนังศีรษะได้รับอิทธิพลจากหลายปัจจัย ได้แก่

  • โภชนาการ – การขาดสารอาหาร เช่น ธาตุเหล็ก โปรตีน ไบโอติน และโอเมก้า-3 อาจทำให้ผมร่วงหรือผมแห้งเสีย
  • ฮอร์โมน – ฮอร์โมนแอนโดรเจน (Androgen) มีผลต่อการหลุดร่วงของเส้นผม โดยเฉพาะในผู้ที่มีภาวะศีรษะล้านแบบพันธุกรรม, ฮอร์โมนเอสโตรเจน( Estrogen)ลดลง เช่น ภาวะวัยทอง
  • ความเครียด และการเจ็บป่วย– ส่งผลให้เส้นผมเข้าสู่ระยะหลุดร่วงเร็วกว่าปกติ
  • การใช้สารเคมีและความร้อน – การทำสี ดัด ยืด หรือใช้ความร้อนสูงบ่อย ๆ อาจทำให้เส้นผมแห้งเสียและเปราะขาด
  • การทำความสะอาด – การสระผมบ่อยเกินไปหรือใช้แชมพูที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้หนังศีรษะเสียสมดุล

การดูแลเส้นผมและหนังศีรษะอย่างถูกต้อง

เพื่อสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะที่ดี ควรปฏิบัติตามแนวทางดังนี้

  1. เลือกแชมพูและครีมนวดที่เหมาะสม – สำหรับผู้ที่มีปัญหาเส้นผมและหนังศีรษะ ควรเลือกแชมพูที่ปราศจากสารที่ก่อการระคายเคือง เช่น ปราศจากสารซัลเฟต(Sulfate-free), ปราศจากน้ำหอมสังเคราะห์(Synthetic perfume-free) ปราศจากสารกันเสียชนิดเคมี
  2. สระผมอย่างเหมาะสม – ตามสภาพของหนังศีรษะและกิจวัตรประจำวัน เช่น เหงื่อออกหรือถูกฝุ่นมากควรสระผมทุกวัน
  3. หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีบ่อยเกินไป – หากจำเป็นต้องทำสีผมหรือใช้สารเคมี ควรใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่ช่วยลดการระคายเคือง
  4. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ – ควรบริโภคอาหารที่มีโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุที่ช่วยบำรุงเส้นผม
  5. ดูแลสุขภาพโดยรวม – ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ และจัดการความเครียด

สรุป

เส้นผมและหนังศีรษะเป็นส่วนสำคัญที่ควรได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม การเข้าใจโครงสร้างและวงจรชีวิตของเส้นผม รวมถึงปัจจัยที่มีผลต่อสุขภาพหนังศีรษะ จะช่วยให้สามารถเลือกวิธีดูแลได้อย่างถูกต้อง เพื่อให้เส้นผมแข็งแรง เงางาม และปราศจากปัญหาที่อาจเกิดขึ้น

หากคุณมีปัญหาผมร่วง ผมบาง หรือหนังศีรษะผิดปกติ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม

Thinning Hair on Temporal area in Female

ภาษาไทย Article by Dr.Piyawat POOMSUWAN

Symptoms:

  • Thinning at the temporal area without complete baldness, revealing more forehead when hair is brushed back.
  • Hair gradually becomes thinner and finer.
  • Hair shafts appear more spaced apart but do not fall out completely.

Age:

  • Often occurs from the age of 35 and older.

Family History:

  • It is not necessary to have a family history, but it trends to have more severity in family history cases.

Lab:

  • Blood tests are usually normal, and there are no underlying health issues.

Cause:

  • This type of hair thinning is believed to be related to changes in female hormones, particularly estrogen. This differs from hereditary hair loss, which is linked to male hormones (androgens).

Scientific Findings:

  • Estrogen plays a role in hair growth.
  • Hair density decreases with age, peaking between the ages of 20–30 and declining thereafter.
  • Hair shafts become finer as estrogen levels drop.
  • The number of hair shafts significantly decreases after the age of 40.